หลังจากนี้คงไม่มีนักเตะที่ชื่อว่า " เธียร์รี่ อองรี " ลงล่าตาข่ายให้กับสโมสรไหนอีกต่อไปหลังจากที่ เขาได้ตัดสินใจแขวนสตั๊ด ยุติเส้นทางอาชีพลูกหนังในวัย 37 ปี
อองรี ค้าแข้งให้กับนิวยอร์ก เร้ด บูลล์ส ยักษ์ใหญ่ในเมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกา เป็นทีมสุดท้าย ก่อนที่จะตัดสินใจหันหลังให้กับอาชีพนักฟุตบอล
เด็กน้อยชาวเฟรนช์เริ่มถือกำเนิดขึ้นในเลส์ อูลิส เมือเล็กๆที่พ่อแม่ของเขาอพยพมาอยู่อาศัย ก่อนที่จะฝึกปรือศาสตร์ลูกหนังที่นี่ หลังจากนั้นในปี 1983 เขาเข้าไปอยู่ในศูนย์ฝึกเยาชนของสโมสร เซโอเลส์ อูลิส ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับยอดทีมจากแดนน้ำหอมอย่างโมนาโก ในอีก 9 ปีต่อมา
กองหน้าเลือดน้ำหอมได้ก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของโมนาโกในปี 1994 พร้อมกับฝากผลงานไว้ที่ 28 ประตู ก่อนที่จะย้ายไปหาประสบการณ์ในแดนมะกะโรนีกับยูเวนตุส ทว่าชีวิตที่นี้มันสั้นนิดเดียวหลังอยู่ชมบรรยากาศในถิ่นตูรินได้เพียงแค่ 1 ปีก็ถูกอาร์เซน่อล คว้าตัวมาร่วมทีม ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ในปี 1999
และที่นี่ถือเป็นที่แจ้งเกิดให้โลกได้รับรู้ว่ามียอดกองหน้าที่ชื่อ เธียร์รี่ อองรี โดยมีอาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือคนบ้านเดียวกันเป็นคนเจียรนัยฝีเท้าให้กับเขา
ตลอดระยะเวลา 8 ปีกับ " ไอปืนใหญ่ " อองรี แสดงให้เห็นถือพรสวรรค์ด้านฟุตบอลด้วยการยิงประตูเป็นกอบเป็นกรรม เพียงแค่ฤดูกาลแรกในพรีเมียร์ลีกเขาก็ซัดไปแล้ว 26 ประตู จนแทบจะไม่มีใครสงสัยเรื่องฝีเท้าของเขาแม้แต่น้อย
และสามารถคว้าแชมป์ลีกได้ 2 สมัย ซึ่งในฤดูกาล 2003-2004 เขาสามารถพาทีมเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบไม่พ่ายให้กับคู่แข่งแม้แต่เกมเดียวจนได้รับสมญานามว่า " ดิ อินวินซิเบิ้ลส์ "
ด้วยความสามารถในการถล่มประตู และความภัยดีที่มีต่อสโมสรทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของเหล่า " กูนเนอร์ส " เป็นอย่างมา พร้อมกับเรียกเขาว่า " คิงอองรี "
อองรียิงประตูให้กับยักษ์ใหญ่จากกรุงลอนดอนไปทั้งสิ้น 228 ประตู และก้าวขึ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุดของสโมสร
อย่างไรก็ตามถ้วยรางวัลที่เขาต้องการอีกอย่างคือถ้วย แชมป์เปี้ยนลีก ซึ่งไม่สามารถคว้ามันได้กับอาร์เซน่อล ทำให้เขาเลือกที่จะย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลน่า ในปี 2007 ด้วยค่าตัว 24 ล้านยูโร
และแชมป์ที่เขาปราถนาจะไขว้คว้าก็มาถึงหลังจากในฤดูกาล 2008-2009 เขาสามารถพาทีมปราบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 คว้าถ้วยยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีกได้เป็นผลสำเร็จ พร้อมกับทำไว้ 49 ตุงในถิ่นคัมป์นู
ด้วยวัย 33 กระรัตในเวลานั้น อองรี ตัดสินใจย้ายมาหาความท้าทายใหม่ๆในแดนลุงแซมกับนิวยอร์ก เร้ด บูลล์ส ซึ่งเป็นช่วงปลายอาชีพของเขา แต่เราฝีเท้าไปต้องพูดถึงแก่แต่เก๋าจริงๆด้วยการจัดไป 52 ประตู กับระยะเวลา 4 ปี นอกจากนี้เขายังย้ายมาอยู่กับอาร์เซน่อล ด้วยสัญญายืมตัวระยะสั้นๆ อีกด้วย
อองรีเป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนที่สามารถคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้ทุกรายการในอาชีพนักเตะ เพราะนอกจากกว้าถ้วยรางวัลเป็นว่าเล่นกับระดับสโมสรแล้ว กับระดับทีมชาติเขาก็ไม่ใช่ย้อย
เพราะกับทีมชาติฝรั่งเศส อองรี สามารถพาทัพ " ตราไก่ " คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก เมื่อปี 1998 ในแผ่นดินเกิดของตัวเอง และในอีก 2 ปีถัดมาเขาก็พาทีมคว้าแชมป์ยูโร 2000 ที่มีเบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ
ในวันที่ 16 ธันวาคม 2014 อองรีตัดสินใจยุติเส้นทางสายลูกหนังไว้เพียงแค่นี้ หลังจากที่เขาไม่ได้รับการต่อสัญญาฉบับใหม่กับเร้ด บูลล์ส และเป็นการหยุดเวลา 20 ปีกับการค้าแข้งไว้แค่นี้
" 20 ปีแล้วที่ผมอยู่ในอาชีพนักฟุตบอล และวันนี้ผมก็ตัดสินใจที่จะรีไทร์กับการเล่นอาชีพฟุตบอล เส้นทางในอาชีพลูกหนังของผมมันเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก "
" และผมอยากจะขอขอบคุณแฟนๆทุกๆคน รวมถึงเพื่อนร่วมทีมทั้งหมดของผมทั้งที่โมนาโก ยูเวนตุส อาร์เซน่อล บาร์เซโลน่า และนิวยอร์ก เร้ด บูลล์ส "
" แน่นอน นอกจากนี้กับทีมชาติฝรั่งเศส ผมก็มีช่วงเวลาที่พิเศษอย่างมาก "
" ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไปกับที่ผมเคยทำอย่างสิ้นเชิง ผมรู้สึกยินดีที่จะบอกว่าผมจะกลับไปที่กรุงลอนดอน ผมจะเข้าร่วมกับกับสื่ออย่างสกายสปอร์ต "
" ผมหวังว่าจะนำข้อมูล และประสบการณ์ที่เคยได้เรียนรู้มาแบ่งปันให้พวกคุณ "
" ผมมีประสบการณ์ที่น่ามหัศจรรย์ ผมหวังว่าทุกคนจะแฮปปี้กับงานใหม่ของผม แล้วเจอกันนะ " อองรี กล่าวทิ้งท้ายหลังจากประกาศแขวนสตั๊ด
หลังจากเลิกเล่นฟุตบอลแล้ว อองรี จะรับงานเป็นกูรูด้านลูกหนังให้กับสื่อชื่อดังอย่าง สกายสปอร์ต พร้อมกับรับค่าจ้างสูงถึง 25 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
เกียรติประวัติส่วนตัวของ เธียร์รี่ อองรี
- รางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งลีกเอิงของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพฝรั่งเศส (1): 1996–97
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ (2): 2002–03, 2003–04
- ทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ (6): 2000-01, 2001-02, 2002-03, 2003-04, 2004-05, 2005-06
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ (3): 2002–03, 2003–04, 2005–06
- รางวัลรองเท้าบูตทองคำพรีเมียร์ลีก (4): 2001–02, 2003–04, 2004–05, 2005–06.
- รางวัลรองเท้าบูตทองคำ แลนด์มาร์ก 10 (1): 2004–05
- รางวัลรองเท้าบูตทองคำ แลนด์มาร์ก 20 (1): 2004–05
- รางวัลผู้เล่นแห่งเดือนของพรีเมียร์ลีก (4): เมษายน 2000, กันยายน 2002, มกราคม 2004, เมษายน 2004
- ประตูแห่งฤดูกาล (1): 2002–03
- ทีมแห่งปีของยูฟ่า (5): 2001, 2002, 2003, 2004, 2006
- ผู้เล่นที่ดีที่สุด 11 คนของเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ (1): 2011
- ผู้เล่นแห่งเดือนของเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ (1): มีนาคม 2012
- อ็องซ์ดอร์ (2): 2003, 2006
- รองเท้าบูตทองคำยุโรป (2): 2003-04, 2004-05
- นักฟุตบอลฝรั่งเศสแห่งปี (5): 2000, 2003, 2004, 2005, 2006
- ผู้เล่นยิงประตูสูงสุดแห่งปีของสหพันธ์ประวัติศาสตร์และสถิติฟุตบอลนานาชาติ (1): 2003
- ฟีฟ่าฟิฟโปรเวิลด์ XI (1): 2006
- รางวัลฟุตบอลโลก ทีมรวมดารา (1): ฟุตบอลโลก 2006
- รางวัลลูกบอลทองคำคอนเฟเดอเรชันส์คัพ (1): คอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2003
- รางวัลรองเท้าทองคำคอนเฟเดอเรชันส์คัพ (1): คอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2003
- รางวัลทีมยอดเยี่ยมฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (1): 2000
- ฟีฟ่า 100 : 2004
- ไทม์ 100 วีรบุรุษและนักบุกเบิก อันดับ 16 : 2007
- หอเกียรติยศแห่งฟุตบอลอังกฤษ : 2008
- เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ : 1998
เกียรติประวัติระดับสโมสร
โมนาโก
ลีกเอิง (1): 1996–97
โตรเฟเดช็องปียง (1): 1997
อาร์เซนอล
พรีเมียร์ลีก (2): 2001–02, 2003–04
เอฟเอคัพ (3): 2002, 2003, 2005
เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ (2): 2002, 2004
บาร์เซโลนา
ลาลีกา (2): 2008–09, 2009–10
โกปาเดลเรย์ (1): 2008-09
ซูเปร์โกปาเดเอสปาญา (1): 2009
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (1): 2008-09
ยูฟ่าซูเปอร์คัพ (1): 2009
ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก (1): 2009
นิวยอร์ก เรดบูลส์
เมเจอร์ลีกซอกเกอร์ฝั่งตะวันออก (1): 2010
เกียรติประวัติทีมชาติฝรั่งเศส
ฟุตบอลโลก
ชนะเลิศ: ฟุตบอลโลก 1998
รองชนะเลิศ: ฟุตบอลโลก 2006
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
ชนะเลิศ: ยูโร 2000
คอนเฟเดอเรชันส์คัพ
ชนะเลิศ: คอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2003
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น